การซื้อขายดัชนี

พบกับดัชนีที่สำคัญของโลก

ดัชนีตัวแรกสุดถูกสร้างขึ้นโดย Mr. Charles Dow ในปี 1896 และรู้จักกันอย่างกว้างขวางว่าเป็นดัชนี Dow ทุกวันนี้ Dow มีบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาอยู่ 30 บริษัท มันมีประโยชน์ที่จะทราบว่าดัชนีนั้นเป็นเพียงรายการหุ้นและทุกคนสามารถสร้างดัชนีได้ อย่างที่เคยเป็นในช่วงดอทคอม อย่างไรก็ดี สิ่งที่ทำให้ดัชนีสำคัญ ๆ แตกต่างจากที่เหลือก็คือชื่อเสียงของบริษัทที่มันเป็นตัวแทน ข้างล่างนี้คือรายการดัชนีที่สำคัญที่สุดและมีการซื้อขายกันมากที่สุด 9 รายการ

1. Dow Jones Industrial Average (US30)

   ประกอบด้วยบริษัทที่มีอิทธิพลมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา 30 บริษัทและเป็นดัชนีที่ถ่วงน้ำหนักด้วยราคาตลาด (Price-Weighted) ซึ่งหมายความว่าบริษัทที่มีราคาหุ้นที่สูงกว่าจะมีผลกระทบต่อมูลค่าของมันมากกว่า

2. S&P 500 (SPX500)

   ดัชนี S&P 500 เป็นดัชนีที่ถ่วงน้ำหนักแบบลอยตัว (Float-Weighted) ซึ่งหมายความว่า หุ้นที่เป็นส่วนประกอบจะส่งผลกระทบต่อมูลค่าโดยรวมของดัชนีโดยอิงตามมูลค่าตามราคาตลาดและมูลค่าลอยตัว (ซึ่งก็คือ ร้อยละของบริษัทที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์)

3. FTSE (UK100)

   FTSE ประกอบด้วยบริษัท 100 บริษัทที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงสุดในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนและเป็นดัชนีที่ถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าตลาด (Market-Weighted) ซึ่งหมายถึงว่า มูลค่าของมันเป็นสัดส่วนกับบริษัทที่เป็นส่วนประกอบของมัน บริษัทที่มีขนาดใหญ่กว่าจะมีผลกระทบต่อมูลค่าของมันมากกว่าบริษัทที่มีขนาดเล็ก

4. DAX (GER40)

   “Deutscher Aktienindex” เป็นดัชนีที่ประกอบไปด้วย 40 หุ้นหลักในประเทศเยอรมนีในตลาดหลักทรัพย์แฟรงค์เฟิร์ต ผลที่ตามมาคือ มันคล้ายกับ Dow Jones Industrial Average ของสหรัฐอเมริกาในเรื่องนี้

5. ASX200 (AUS 200)

   ดัชนีนี้ประกอบด้วยเฉพาะหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ออสเตรเลียและเป็นดัชนีที่ถ่วงน้ำหนักด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ (Capitalisation-Weighted) เพราะฉะนั้น บริษัทที่เป็นส่วนประกอบที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่สูงกว่าก็จะส่งผลกระทบต่อมันมากกว่า

6. NASDAQ (NAS100)

   เคียงคู่กันกับ Dow Jones และ S&P500 ดัชนี Nasdaq เป็นหนึ่งในดัชนีที่มีการติดตามมากที่สุดในสหรัฐอเมริกาและประกอบด้วยบริษัท 100 บริษัทที่เน้นหนักเกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ

7. CAC (FRA40)

   รู้จักกันในชื่อเต็มคือ “Cotation Assistée en Continu” ซึ่งหมายถึงหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ยูโรเน็กซ์ ปารีสของฝรั่งเศส (“Paris Bourse”) หุ้นเหล่านี้ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการอิสระในทุกไตรมาส จากทั้งหมด 100 บริษัทที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดแบบลอยตัวเสรีสูงสุด (ซึ่งก็คือ มูลค่าตลาดสูงสุดที่มีการซื้อขายแก่สาธารณะ)

8. EuroStoxx (ESTX50)

   ESTX50 เปิดตัวขึ้นในปี 1998 ซึ่งประกอบด้วยบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในยูโรโซน 50 บริษัทและถูกสร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์ “เพื่อให้เป็นตัวแทนชั้นดี (Blue-Chip) ของ Supersector Leader ในยูโรโซน”

9. Nikkei225 (JPN225)

   Nikkei225 เป็นดัชนีหุ้นหลักในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวและเป็นดัชนีที่ถ่วงน้ำหนักด้วยราคาตลาด (Price-Weighted) เหมือนกับ Dow Jones Industrial Average ของสหรัฐอเมริกา ที่จริง ระหว่างปี 1975 และ 1985 มันก็ถูกเรียกว่า “Nikkei Dow Jones Stock Average"

ทำไมจึงต้องซื้อขายดัชนี

การซื้อขายดัชนีเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับการซื้อขายหุ้นแบบดั้งเดิม เพราะมันช่วยให้เทรดเดอร์สามารถที่จะเห็นกลุ่มบริษัทในมุมมองที่กว้างขึ้นและลดการต้องเสี่ยงกับบริษัทใดบริษัทหนึ่ง การสามารถที่จะซื้อหรือขายดัชนีใดก็ได้เป็นหนึ่งในจุดสนใจหลักของเทรดเดอร์

การซื้อขายดัชนีทำให้คุณสามารถที่จะทั้ง Long (ซื้อ) และ Short (ขาย) ได้ ซึ่งทำให้มันเป็นตราสารป้องกันความเสี่ยงที่เหมาะ ยกตัวอย่างเช่น คุณสามารถซื้อ HSBC เพราะคุณคาดว่าราคาหุ้นของธนาคารจะเพิ่มขึ้นและในเวลาเดียวกันก็ขาย FTSE100 เพื่อปกป้องเงินลงทุนของคุณจากการเคลื่อนไหวของตลาดที่ไม่พึงประสงค์

ตัวอย่างการซื้อขายดัชนี

มาดูกันว่าในทางปฏิบัติแล้วการซื้อขายดัชนีนั้นทำงานอย่างไร ตัวชี้วัดของคุณให้สัญญาณเข้าและคุณคาดว่าจะมีการขึ้นราคาของ US S & P500 ด้วยเหตุนั้น คุณจะ go long (ซื้อ) 3 contracts ที่ราคา 2.288 แม้จะมีความผันผวนในเบื้องต้น แต่ตลาดก็ผลักราคาให้สูงขึ้น ครึ่งชั่วโมงก่อนตลาดปิด ดัชนีกำลังซื้อขายกันอยู่ที่ 2.319 คุณตัดสินใจที่จะปิดสถานะและรักษาผลกำไรของคุณ กำไรที่ทำได้จากซื้อขายครั้งนี้คือ 2.319 – 2.288 = 21 points ด้วย 3 contracts แต่ละจุดมีค่า $30 ดังนั้น กำไรทั้งหมดของคุณคือ 21 x $30 = $630