ตัวอย่างการซื้อขายฟอเร็กซ์
เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจวิธีทำการซื้อขายฟอเร็กซ์ได้ดียิ่งขึ้น ตรงนี้คือสองตัวอย่างในการซื้อขายฟอเร็กซ์
ทุกเดือน ปฏิทินเศรษฐกิจจะเต็มไปด้วยเหตุการณ์ทางเศรษฐกิจ หนึ่งไม่กี่ข่าวสารที่เฝ้ารอคอยกันมากที่สุดก็คือการประกาศตัวเลข NFP หรือ Non-Farm Payroll ซึ่งเป็นรายงานของสำนักสถิติแรงงานแห่งสหรัฐอเมริกาที่ออกเป็นประจำทุกเดือน ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกที่มีประโยชน์เกี่ยวกับประสิทธิภาพของเศรษฐกิจสหรัฐแก่เทรดเดอร์
การ Go long (การซื้อ) EUR/USD
นี่คือตัวอย่างการซื้อขายระยะยาว ตลาดงานในสหรัฐดูเหมือนจะหยุดชะงัก คุณคิดว่าระดับ Non-Farm Payroll (NFP) จะต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ประมาณการไว้ และคาดว่าดอลลาร์สหรัฐจะอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินยูโร ด้วยเหตุผลนี้ คุณจึงตัดสินใจซื้อ EUR/USD 1 ล็อต ($100,000) ที่ 1.2101 ซึ่งเท่ากับเงินเดิมพัน $10 ต่อการขยับ 1 pip
มีการประกาศรายงานออกมาและตัวเลขพาดหัวของ NFP อ่อนกว่าที่ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นเหตุให้ดอลลาร์สหรัฐตกฮวบ ตอนนี้คู่ EUR/USD ซื้อขายกันอยู่ที่ 1.2152 และคุณตัดสินใจปิดสถานะ คุณเปิดการซื้อขายที่ 1.2101 และขายที่ 1.2152 ส่วนต่าง 51 pips คือกำไรของคุณ ($510)
ตัวอย่างการซื้อขาย EUR/USD (long)

การ Go short (การขาย) USD/JPY
นี่คือตัวอย่างของการซื้อขายแบบ Short จำที่บอกได้หรือไม่ว่าเราใช้จุดทศนิยมที่สี่ในการคำนวณกำไรและขาดทุน คู่ที่มีเงินเยนญี่ปุ่น (JPY) จะได้รับการยกเว้นตามกฎ กรณีนี้เราดูทศนิยมที่สองแทน
สมมติว่าคุณเปิดกราฟ USD/JPY แบบ 1 ชั่วโมงเพื่อมองหาโอกาสในการซื้อขายในช่วงเช้า คู่นี้กำลังซื้อขายกันอยู่ที่ 113.63 และตัวชี้วัดทางเทคนิคของคุณชี้ให้เห็นว่ามีโอกาสสูงที่ตลาดจะปรับตัวลง
คุณขาย 1 มินิล็อต ($10,000) ซึ่งเท่ากับ เงินเดิมพัน $1 ต่อการเคลื่อนไหว 1 pip ครั้งนี้คุณตัดสินใจเพิ่มคำสั่งหยุดขาดทุน (Stop-loss) และทำกำไร (Take-profit) เข้าไปในสถานะของคุณด้วย เพื่อให้มีการจัดการความเสี่ยงของคุณในขณะที่คุณทำงานอยู่ได้ คุณตั้งค่า Take-profit ไว้ที่ 113.27 และ Stop-loss ที่ 114.24
ตัวอย่างการซื้อขาย USD/JPY (short)

คุณกลับจากทำงานและรีบเช็คบัญชีดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับสถานะของคุณ ยอดเงินในบัญชีเพิ่มขึ้น $61 เพราะตลาดปรับตัวลง จึงทำให้เกิดการเรียกใช้คำสั่ง Take-profit และยกเลิกคำสั่ง Stop-loss