รูปแบบการซื้อขาย
ตรงนี้ เราจะได้พูดคุยกันถึงรูปแบบการซื้อขายที่คุณน่าจะได้พบเจอ โดยทั่วไปแล้ว สิ่งที่แยกแยะรูปแบบการซื้อขายก็คือช่วงระยะเวลาที่คุณตั้งใจจะอยู่ในการซื้อขาย จังหวะเวลาการเข้าตลาดของคุณ และในบางกรณีก็ความถี่ของการซื้อขายด้วย
ไม่มีกฎเกณฑ์เข้มงวดว่ากรอบเวลาใดที่เทรดเดอร์รายใดจะใช้ในการซื้อขาย อย่างไรก็ดี ตารางด้านล่างนี้จะแสดงกรอบเวลาทั่วไปที่คาดได้ว่าจะเห็นเทรดเดอร์ใช้
สิ้นวัน (End of Day: EOD)
รูปแบบนี้เป็นรูปแบบการซื้อขายยอดนิยมของคนที่ทำงานเต็มเวลา คนเหล่านี้อาจวิเคราะห์ตลาดเป็นรายวันหรือรายสัปดาห์และตั้งค่าคำสั่งที่รอดำเนินการ (Pending Order) ไว้เพื่อจับการเคลื่อนไหวของราคาขณะที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไป ซึ่งคนเหล่านี้จะไม่ได้กำลังดูหน้าจออยู่ตอนที่คำสั่งของพวกเขาดำเนินการซื้อขายจริง ๆ
หากคุณมีวิถีชีวิตที่ยุ่งวุ่นวาย วิธีนี้อาจเหมาะกับคุณ เพราะต้องการเวลาอยู่หน้าจอเพื่อวิเคราะห์หรือจัดการการซื้อขายน้อยกว่า
ปัจจัยพื้นฐาน (Macro Trading: การซื้อขายระดับมหภาค)
การใช้ข้อมูลพื้นฐานและ/หรือแบบจำลองทางการเงินเพื่อประเมินจุดแข็งหรือจุดอ่อนของหุ้น สกุลเงิน ตลาด หรือประเทศเพื่อคาดการณ์มูลค่าราคาในอนาคต แหล่งข้อมูลจะแตกต่างกันระหว่างหุ้นและฟอเร็กซ์ เพราะหุ้นยังได้รับผลกระทบจากข่าวภายในของบริษัทนั้น ๆ รวมถึงข้อมูลระดับมหภาคด้วย
การซื้อขายระหว่างวัน (Intraday Trading)
เทรดเดอร์แบบซื้อขายระหว่างวัน (Intraday Trader) จะเปิดและปิดการซื้อขายภายในวันเดียวกัน การซื้อขายจากการแกว่งตัวของกราฟราคาราย 1 ชั่วโมงก็อาจถูกรวมเป็นการซื้อขายจบในวัน (Day Trading) ด้วย และการซื้อขายในวันเดียวนั้นจะให้ความสำคัญกับปัจจัยทางเทคนิคมากกว่าปัจจัยพื้นฐาน
นอกจากนี้ยังมีการซื้อขายระหว่างวันในรูปแบบต่าง ๆ อีกซึ่งจะได้กล่าวไว้ในรายละเอียดด้านล่าง โดยรวมถึง การเก็งกำไรระยะสั้น การซื้อขายตามข่าว การซื้อขายตามการแกว่งตัว การซื้อขายตามแนวโน้ม
การซื้อขายตามข่าว (News Trading)
เทรดเดอร์ที่ซื้อขายตามข่าว (News Trader) มีแนวโน้มที่จะศึกษาเฉพาะเหตุการณ์ที่เป็น 'Red News' เป็นพิเศษและทำการซื้อขายระหว่างหรือใกล้ ๆ กับช่วงที่มีการปล่อยข่าวสำคัญ ความผันผวนสุดขีดสามารถเกิดขึ้นได้หากมีการเปิดเผยตัวเลขที่ผิดคาด (ที่ตลาดในวงกว้างไม่ได้คาดการณ์ไว้) ซึ่งสร้างโอกาสในการทำกำไรมากขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวในระยะยาวอาจปรากฏออกมาด้วยเช่นกันหลังเหตุการณ์สำคัญซึ่งอาจได้รับความสนใจจากเทรดเดอร์ระดับมาโครที่จะซื้อขายกันบนแนวโน้มในระยะยาว อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้วการซื้อขายตามข่าวจะเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระยะสั้น
การซื้อขายแบบถือสถานะ (Position trading)
เทรดเดอร์ประเภทหนึ่งที่ถือสถานะในระยะยาว (จากสัปดาห์ เป็นเดือน เป็นปี) เทรดเดอร์ระยะยาวจะไม่กังวลกับความผันผวนในระยะสั้นเพราะเชื่อว่าระยะเวลาในการลงทุนที่กินเวลานานจะทำให้สิ่งเหล่านี้ราบรื่น
เทรดเดอร์แบบถือสถานะ (Position Trader) มีแนวโน้มที่จะใช้ข้อมูลพื้นฐานมากกว่ามากเนื่องจากใช้เวลาในการซื้อขายนานกว่า แต่ก็อาจจะเป็นทางเทคนิคล้วน ๆ ได้เช่นกัน เทรดเดอร์แบบถือสถานะและเทรดเดอร์แบบขายตามการแกว่งตัวมักจะใช้คำสั่งแบบรอดำเนินการ (Pending Order) เพื่อเข้าสู่ตลาดมากกว่า เพราะไม่จำเป็นต้องอยู่ที่หน้าจอเวลาเข้าหรือออกจากการซื้อขาย
การเก็งกำไร (Scalping)
การเก็งกำไร (Scalping) คือการซื้อขายระหว่างวันรูปแบบหนึ่ง และไม่เหมือนกับรูปแบบอื่น ๆ คุณต้องติดอยู่ที่หน้าจอราวกับว่าชีวิตของคุณขึ้นอยู่กับมัน
ขณะที่การเก็งกำไรนี้เป็นรูปแบบการซื้อขายที่ได้รับความนิยมอย่างมากเนื่องจากศักยภาพในการทำกำไรที่สูงกว่า และยังเป็นหนึ่งในรูปแบบที่เชี่ยวชาญได้ยากกว่าอีกด้วย เนื่องจากเทรดเดอร์จะต้องมีวินัยขึ้นกว่าเดิมมาก ๆ ถึงอย่างนั้น การเก็งกำไรก็มักจะดึงดูดความสนใจจากเทรดเดอร์มือใหม่มากที่สุดอยู่ดี
เทรดเดอร์แบบซื้อขายระหว่างวันและแบบเก็งกำไรจะใช้การซื้อขายแบบคลิกครั้งเดียว (1-click Trading) เพื่อเข้าสู่ตลาดจริงเพราะการเข้าตลาดได้อย่างรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับเทรดเดอร์เหล่านี้
การซื้อขายตามการแกว่งตัว (Swing Trading)
ในฐานะเทรดเดอร์ที่ซื้อขายตามการแกว่งตัว (Swing Trader) จริง ๆ แล้วคือคุณกำลังพยายามที่จะซื้อขายตามการแกว่งตัวของกราฟและหวังจะจับการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่นั่นเอง กรอบเวลาที่เป็นที่นิยมคือการเข้าสู่ตลาดบนกราฟรายวัน และถือสถานะไว้เป็นเวลาหลายวัน หรือบางครั้งก็หลายสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม กราฟราย 1 ชั่วโมงนั้นยังได้รับความนิยมอย่างมากด้วยตั้งใจที่จะถือสถานะไว้สักสองสามชั่วโมง หรืออาจข้ามคืน และอาจจะถึงสองสามวัน
การซื้อขายตามปัจจัยทางเทคนิค (Technical Trading)
วิเคราะห์ เข้าสู่ จัดการ และออกจากการซื้อขายโดยใช้การวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค (Technical Analysis) ซึ่งสามารถดำเนินการในกรอบเวลาใดก็ได้ แม้กล่าวโดยทั่วไปแล้ว 'ปัจจัยทางเทคนิค' จะได้รับความนิยมมากกว่าในกรอบเวลาระหว่างวัน อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิคนั้นยังสามารถใช้สำหรับการพยากรณ์ระยะยาวได้ด้วย
การซื้อขายตามแนวโน้ม (Trend Trading)
วัตถุประสงค์ตรงนี้คือเพื่อระบุแนวโน้มและซื้อขายในทิศทางเดียวกันกับแนวโน้มที่คาดไว้เท่านั้น เดิมทีเทรดเดอร์ที่ซื้อขายตามแนวโน้ม (Trends Trader) จะทำงานร่วมกับผู้จัดการกองทุนระยะยาว แต่ในความเป็นจริงแล้ว คุณจะเป็นเทรดเดอร์ที่ซื้อขายตามแนวโน้มในกรอบเวลาใดที่คุณเลือกเป็นกรอบเวลาก็ได้หมด