ในขณะที่เลเวอเรจสามารถเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนให้ได้ มันก็สามารถเพิ่มปริมาณการขาดทุนให้ได้ด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงจำเป็นที่คุณจะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบเกี่ยวกับจำนวนเลเวอเรจที่คุณต้องการใช้ในบัญชีซื้อขายของคุณ

หากเลเวอเรจของบัญชีของคุณคือ 500:1 ก็หมายความว่าคุณสามารถซื้อขายได้สูงถึง 500 เท่าของจำนวนเงินเทียบเท่าของสกุลเงินหลักที่คุณมีอยู่ในบัญชีของคุณ
เราลองมาดูตัวอย่างจากเทรดเดอร์สองราย นั่นคือ เทรดเดอร์ X และเทรดเดอร์ Y ซึ่งทั้งคู่มียอดเงินในบัญชีอยู่คนละ $10,000
เทรดเดอร์ X มีเลเวอเรจที่ 50:1 และเทรดเดอร์ Y มีเลเวอเรจที่ 5:1
สมมติทั้งคู่มีการขาดทุน 100 pip เราลองมาเปรียบเทียบผลกระทบกับบัญชีของพวกเขาดูกัน

ด้วยการบริหารจัดการเลเวอเรจ เทรดเดอร์ Y สูญเสียเงินทุนไปเพียง $500 เท่านั้น ในขณะที่เทรดเดอร์ X ต้องสูญเสียถึง $5,000 ด้วยกลยุทธ์เลเวอเรจแบบระมัดระวัง (Conservative Leverage Strategy) คุณมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในระยะยาวมากกว่า
Margin คืออะไร
เมื่อพูดถึงการซื้อขาย ความเข้าใจเรื่อง Margin นั้นบางครั้งก็ไปสับสนกันกับค่าธรรมเนียมที่โบรกเกอร์เรียกเก็บจากเทรดเดอร์ ซึ่งไม่ถูกต้อง Margin (อ่านว่า มาร์จิ้น) คือ เงิน 'มัดจำ' ซึ่งเป็นหลักประกันที่โบรกเกอร์กันไว้เพื่อที่จะเปิดสถานะค้าง เงินจำนวนนี้ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายในการทำธุรกรรม และไม่ได้เรียกเก็บจากบัญชีของคุณ แต่ทำหน้าที่เพื่อให้แน่ใจได้ว่าคุณมียอดเงินคงเหลือเพียงพอในบัญชีสัมพันธ์กับขนาดของสถานะของคุณ
จำนวนมาร์จิ้นที่ต้องการนั้นขึ้นอยู่กับขนาดสถานะของคุณและตราสารที่คุณกำลังซื้อขาย
ตัวอย่าง: หากคุณมีเลเวอเรจที่ 500:1 ในบัญชีซื้อขายของคุณและเปิดสถานะหนึ่งล็อตใน AUD/JPY (โดยที่ 1 ล็อต เท่ากับ 100,000 AUD) เช่นนั้น คุณต้องมีมาร์จิ้น 200 AUD นั่นหมายความว่า คุณจะต้องมีเงินอย่างน้อย 200 AUD (หรือจำนวนที่เทียบเท่าในสกุลเงินอื่น) เพื่อเปิดสถานะ 100,000 AUD หากมูลค่าแบบลอยตัวของบัญชีของคุณตกลงต่ำกว่ามาร์จิ้นที่คุณต้องมี เราอาจแจ้งให้คุณทราบว่าเราจะปิดสถานะนั้น