Please note ThinkMarkets does not provide CFD services to residents of the US.

Please note ThinkMarkets does not provide CFD services to residents of the US.

การค้าขาย
 
การค้าขาย

เทรดวันนี้ - เข้าร่วมกับเทรดเดอร์หลายพันรายที่เลือกใช้โบรกเกอร์ที่ให้บริการบนอุปกรณ์เคลื่อนที่เจ้าแรก

สร้างบัญชี
เรียนรู้การซื้อขาย
 
สัมมนาออนไลน์

เทรดเดอร์ทุกคนตั้งแต่มือใหม่จนถึงผู้เชี่ยวชาญจำเป็นต้องรู้คำศัพท์ทางเทคนิคจำนวนมาก ให้เราช่วยแนะนำคุณ

Learn More
คลังคู่มือซื้อขาย

ไม่ว่าคุณจะมีประสบการณ์ระดับใด ให้ดาวน์โหลดคู่มือการเทรดฟรีของเราแล้วพัฒนาทักษะของคุณ

เรียนรู้เพิ่มเติม
เรียนรู้การซื้อขาย

เทรดอย่างชาญฉลาด: ยกระดับทักษะของคุณด้วยทรัพยากรการฝึกอบรมของเรา

สร้างบัญชี
วิเคราะห์การตลาด
 
ปฏิทินเศรษฐกิจ

ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณรู้ทันความเคลื่อนไหวทุกครั้งในตลาดด้วยปฏิทินเศรษฐกิจที่อัพเดตอย่างต่อเนื่องของเรา

เรียนรู้เพิ่มเติม
การวิเคราะห์ทางเทคนิค

ใช้ข้อมูลที่ผ่านมาในตลาดเพื่อคาดการณ์ทิศทางราคาและทำนายความเคลื่อนไหวในตลาด

เรียนรู้เพิ่มเติม
วิเคราะห์การตลาด

ใช้ความสามารถวิเคราะห์ข้อมูลตลาดที่คุณต้องการเพื่อสร้างกลยุทธ์การเทรดของคุณ

สร้างบัญชี
พันธมิตร
 
โปรแกรมพันธมิตร

สร้างความเติบโตให้ธุรกิจของคุณและรับผลตอบแทน ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโปรแกรมพันธมิตร

เรียนรู้เพิ่มเติม
ผู้จัดการเงิน

เพิ่มรายได้ของคุณแล้วรับค่าตอบแทนจากความรู้ในการเทรดของคุณด้วย ThinkInvest ที่ให้คุณสามารถตัดสินใจได้เอง

เรียนรู้เพิ่มเติม
แนะนำโบรกเกอร์

ThinkMarkets ตรวจสอบให้มั่นใจว่าระดับความพึงพอใจของลูกค้าอยู่ในระดับสูงด้วยอัตราการแปลงเป็นลูกค้าและอัตราการรักษาลูกค้าในระดับสูง

เรียนรู้เพิ่มเติม
Proprietary Trading

ร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับเราเพื่อสร้างธุรกิจ Prop Trading ของคุณเอง สามารถสอบถามกับผู้จัดการบัญชีได้แล้ววันนี้

ดูข้อมูลเพิ่มเติม
White Label

เรามอบทุกสิ่งที่คุณต้องการเพื่อสร้างแบรนด์ของคุณในอุตสาหกรรม Forex

เรียนรู้เพิ่มเติม
ตัวแทนประจำภูมิภาค

เป็นพาร์ทเนอร์กับ ThinkMarkets วันนี้เพื่อเข้าใช้บริการที่ปรึกษาและสื่อส่งเสริมการขายที่ครบครันตามงบประมาณของคุณเอง

เรียนรู้เพิ่มเติม
แนะนำเพื่อน

รับ $50 สำหรับคุณและเพื่อนของคุณ เมื่อคุณเปลี่ยนพวกเขาให้เป็นเทรดเดอร์ที่นี่กับ ThinkMarkets

เรียนรู้เพิ่มเติม
พันธมิตร

เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มยุคใหม่และการเทรดที่ลูกค้าของคุณต้องการ

พอร์ทัลพันธมิตร
เกี่ยวกับเรา ThinkMarkets
 
เกี่ยวกับเรา

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ThinkMarkets โบรกเกอร์ระดับโลกที่เป็นที่ยอมรับและได้รับรางวัลมากมายซึ่งคุณสามารถเชื่อถือได้

เรียนรู้เพิ่มเติม
ข่าว ThinkMarkets

ไม่ตกข่าวด้วยการประกาศข้อมูลและข่าวล่าสุดจากบริษัทของเรา

เรียนรู้เพิ่มเติม
โครงสร้างพื้นฐานในการซื้อขาย

เมื่อเป็นเรื่องความเร็วที่เราทำการเทรดของคุณ เราทุ่มไม่อั้นเพื่อมอบสิ่งดีๆ ให้คุณ ดูข้อมูลเพิ่มเติม

เรียนรู้เพิ่มเติม
ติดต่อเรา

ทีมสนับสนุนหลากหลายภาษาของเราจะอยู่ที่นี่เพื่อคุณ 24 ช.ม. ตลอด 7 วัน

เรียนรู้เพิ่มเติม
เกี่ยวกับเรา ThinkMarkets

ความเชี่ยวชาญสำหรับท้องถิ่นในทั่วทุกมุมโลก - พบกับสิ่งที่ทำให้เราพิเศษกว่าที่อื่น

สร้างบัญชี
ล็อคอิน สร้างบัญชี

วิธีการซื้อขายน้ำมัน

เรียนรู้ทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับการเก็งกำไรในตลาดน้ำมัน

 

การซื้อขายน้ำมัน

น้ำมันถูกใช้ในการผลิต การขนส่ง รวมถึงการผลิตพลังงาน และด้วยอุปทานที่แปรปรวนและมีจำกัด จึงมีผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจโลก ทำให้ตลาดน้ำมันเป็นหนึ่งในตลาดที่มีการเคลื่อนไหวเร็วที่สุด
 
เทรดเดอร์ที่ไม่เข้าใจลักษณะเฉพาะของตลาดน้ำมันจึงมักพลาดที่จะได้ใช้ประโยชน์จากโอกาสในการซื้อขายที่มีอยู่ในตลาดที่ผันผวนนี้อย่างเต็มที่

น้ำมันที่ซื้อขายมีประเภทใดบ้าง

น้ำมันเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ได้จากน้ำมันสำรองลึกลงไปใต้ดิน เกิดจากการทับถมกันของซากพืชและซากสัตว์หรือฟอสซิลมานานกว่าล้านปีภายใต้การปกคลุมของชั้นทรายและหิน
 
กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมัน ได้แก่ สหรัฐอเมริกา กลุ่มประเทศสแกนดิเนเวีย (ทะเลเหนือ) และกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (Organization of Petroleum Exporting Countries: OPEC) เช่น ซาอุดิอาระเบีย และอิหร่าน
 
มีน้ำมันสองประเภทที่ใช้เป็นมาตรฐานในการกำหนดราคาน้ำมัน ซึ่งก็คือ น้ำมัน WTI และน้ำมันเบรนท์

1. WTI
WTI ย่อมาจาก "West Texas Intermediate" ซึ่งเป็นน้ำมันดิบที่ได้และผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากนี้ยังเรียกกันว่าเป็น “Texas Light Sweet” อีกด้วย ที่มีคำว่า “Light” ก็เพราะมันมีความหนาแน่นน้อยกว่าเมื่อเทียบกับน้ำมันดิบของกลุ่ม OPEC ส่วนใหญ่และมีคำว่า “Sweet” ก็เพราะมีปริมาณกำมะถันที่ต่ำกว่า

2. น้ำมันดิบเบรนท์
หรือที่เรียกอีกอย่างว่า “เบรนท์" (Brent) เฉย ๆ น้ำมันเบรนท์คือน้ำมันที่ได้และผลิตในทะเลเหนือ เบรนท์ยังถูกเรียกว่าเป็น Llight และ Sweet เหมือนน้ำมัน WTI อีกด้วย


สหสัมพันธ์ระหว่างราคาน้ำมัน WTI และเบรนท์

แต่เดิม WTI นั้นแพงกว่าเบรนท์ แต่เนื่องจากเทคโนโลยีการขุดเจาะน้ำมันและแฟรกกิ้ง (Fracking) ที่ก้าวหน้าขึ้น West Texas Intermediate มีแนวโน้มที่จะถูกกว่าแล้วตอนนี้ สิ่งนี้เรียกขานกันว่าเป็น การปฏิวัติหินดินดานของสหรัฐอเมริกา (US Shale Revolution) เพราะการลดลงของต้นทุนการผลิตน้ำมันก็ลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันของสหรัฐอเมริกาลงไปด้วย

ราคาของน้ำมันทั้งสองชนิดมีความสัมพันธ์กันสูง แต่ถ้าตัวหนึ่งราคาตกและอีกตัวราคาขึ้น แสดงว่าอาจมีความผิดปกติในการกำหนดราคาเกิดขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2011 สเปรดระหว่างราคาของ WTI และเบรนท์ขึ้นมาถึงมากกว่า 15 ดอลล่าร์สหรัฐ (WTI ซื้อขายที่ 85 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรลและเบรนท์ซื้อขายที่ 103 ดอลล่าร์สหรัฐต่อบาร์เรล)

 

 

สหสัมพันธ์ระหว่างราคาน้ำมัน WTI - เบรนท์ ปี 2011 - 2017
 



ราคาที่ลดลงของ WTI เกิดจากน้ำมันส่วนเกินที่เพิ่มขึ้นในทวีปอเมริกาเหนือตอนกลางในเวลานั้นและราคาที่เพิ่มขึ้นของเบรนท์นั้นเกิดจากการก่อความไม่สงบที่เกิดขึ้นตอนนั้นในอียิปต์และตะวันออกกลาง

คุณพร้อมที่จะซื้อขายน้ำมันจริง ๆ แล้วใช่ไหม



สร้างบัญชี

อะไรบ้างที่เป็นตัวขับเคลื่อนราคาน้ำมัน

น้ำมันเป็นหนึ่งในสินค้าโภคภัณฑ์ระดับโลกที่มีการซื้อขายมากที่สุดโดยข่าวสารไม่เคยขาด ทำให้ตลาดน้ำมันต้องเคลื่อนไหวอยู่ตลอดทุก ๆ วัน
 
นี่คือปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อราคาน้ำมัน

  1. การสกัดและการกลั่น

กระบวนการสกัดและการกลั่นของน้ำมันดิบมีต้นทุนสูงมาก เนื่องจากน้ำมันสำรองนั้นอยู่ลึกลงไปใต้ดิน ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการสกัดน้ำมันดิบออกมาจากพื้นดิน ความก้าวหน้าหรือความล้มเหลวทางเทคโนโลยีในกระบวนการสกัดมีผลโดยตรงต่อราคาน้ำมัน

 
  1. การบริโภคและอุปสงค์

ประเทศผู้บริโภคน้ำมันระดับแนวหน้าคือสหรัฐอเมริกา ตามด้วยญี่ปุ่น จีน และประเทศอุตสาหกรรมในยุโรป เช่น เยอรมนี และสหราชอาณาจักร ประเทศเหล่านี้มีความต้องการน้ำมันดิบในระดับสูงสำหรับการทำงานด้านอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของตน เพราะฉะนั้น ความต้องการทางอุตสาหกรรมของประเทศเหล่านี้จึงมีผลต่อราคาน้ำมันทั่วโลก

 
  1. การเข้าถึงและอุปทาน

การเข้าถึง ไม่ว่าอุปทานจะมากน้อยเพียงใด ก็สามารถได้รับอิทธิพลจากปัจจัยทางการเมืองและเศรษฐกิจได้ การเพิ่มขึ้นของภาวะเงินเฟ้อ การว่างงาน และอัตราความยากจนสามารถทำให้อัตราการบริโภคลดลงได้โดยทำให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบไม่สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์หรือไม่สามารถจ่ายได้ ความไม่สงบทางการเมืองและการก่อจลาจลยังอาจนำไปสู่การลดปริมาณการนำเข้าน้ำมันและการแย่งชิงสินค้านำเข้าได้

 
  1. ภัยพิบัติทางธรรมชาติและอุบัติเหตุ

ภัยพิบัติทางธรรมชาติอย่างแผ่นดินไหวและพายุเป็นเหตุการณ์ที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้และความเสียหายที่พวกมันก่อให้เกิดผลกระทบในพื้นที่ขุดเจาะและโรงกลั่นอาจประวิงและชะลออัตราการผลิตน้ำมันได้ ไฟไหม้และเครื่องจักรทำงานผิดปกติหรือชำรุดเสียหายก็ทำให้การผลิตล่าช้าในช่วงระหว่างการซ่อมแซมได้เช่นกัน ความล่าช้าที่สภาวะแวดล้อมเหล่านี้สามารถเป็นเหตุได้จะส่งผลให้อุปทานน้ำมันลดลงและราคาจึงเพิ่มขึ้น

 


รายงานสำคัญเกี่ยวกับน้ำมันที่ต้องติดตาม

มีรายงานเกี่ยวกับน้ำมันสองฉบับที่คุณควรทำความรู้จักและใช้อ้างอิงเป็นประจำ

 
  1. สินค้าคงคลังน้ำมันของ DOE

รายงานข้อมูลสินค้าคงคลังน้ำมันของกระทรวงพลังงาน (Department of Energy Oil Inventory Report) จะออกทุกวันพุธและจะประมาณปริมาณน้ำมันที่เก็บสะสมไว้ในคลังของสหรัฐอเมริกา เนื่องจากสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่บริโภคน้ำมันมากที่สุด เทรดเดอร์จึงจำเป็นต้องตรวจสอบอัตราความต้องการเป็นประจำโดยอ้างอิงจากปริมาณสต็อคคงเหลือในสินค้าคงคลังน้ำมันของสหรัฐอเมริกา

 
  1. รายงานตลาดน้ำมันของกลุ่ม OPEC

รายงานเกี่ยวกับน้ำมันฉบับที่สองที่คุณควรศึกษาคือรายงานประจำเดือนและประจำปีของ OPEC รายงานเหล่านี้จะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเป้าหมายการผลิตของกลุ่มประเทศ OPEC เป้าหมายการผลิตและปริมาณที่กำหนดของพวกเขาจะสะท้อนให้เห็นถึงระดับอุปสงค์และอุปทานของน้ำมันในตลาดโลกในปัจจุบัน

 


ตัวอย่างการซื้อขายน้ำมัน

 
การซื้อ WTI

การวิจัยของคุณแสดงให้เห็นว่าความต้องการน้ำมันในประเทศจีนจะเพิ่มขึ้นในไม่ช้า ดังนั้นคุณจึงคาดว่าราคาน้ำมันจะเพิ่มขึ้น คุณซื้อ WTI 1 ล็อตที่ราคา $56.95 ซึ่งเท่ากับ $100 สำหรับการเคลื่อนไหวของราคาทุก ๆ $1

 

การเก็งกำไรของคุณพิสูจน์แล้วว่าถูกต้อง ราคากระโดดไปที่ $61.95 และคุณตัดสินใจที่จะขาย กำไรของคุณจะคำนวณได้โดยการคูณความแตกต่างระหว่างราคาเปิดและราคาปิดด้วยค่าเงินดอลลาร์ต่อส่วนเพิ่ม (61.95 - $56.95) x $100 = $500

 
 
การขายน้ำมันเบรนท์

แม้ OPEC จะพยายามลดส่วนเกินในตลาดน้ำมันและเพิ่มราคาน้ำมันทั่วโลก แต่การวิเคราะห์ของคุณแสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมน้ำมันจากชั้นหินดินดานในสหรัฐอเมริกาจะเพิ่มอุปทาน และดังนั้น คุณจึงคาดว่าราคาน้ำมันเบรนท์จะลดลง

 

คุณขายน้ำมันเบรนท์ 2 ล็อตในราคา $52.50 ซึ่งเท่ากับ $200 สำหรับการเคลื่อนไหวของราคาทุก ๆ $1 อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา ตลาดกำลังซื้อขายที่ $49.50 และคุณตัดสินใจปิดสถานะ กำไรของคุณคือ (52.350 – 49.50) x $200 = $600

 

น้ำมันเป็นสินค้าพลังงานที่สำคัญที่สุด แต่ไม่ใช่หนึ่งเดียว ก๊าซธรรมชาติก็เป็นตลาดสินค้าโภคภัณฑ์อีกชนิดหนึ่งที่สำคัญซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายเพื่อกระจายการซื้อขาย

 

 
Back to top